ย้อนไปในปี 1982 นั้น เกมต่าง ๆ ยังคงถูกทำออกมาเป็นแปดบิทเท่านั้น ซึ่งก็เป็นภาพที่คุ้นตาจากคนที่เคยเล่นมาริโอ้นั่นเอง แต่ทว่าค่ายเกมอย่าง Mystique นั้นกลับมีความคิดใหม่ออกมาและคิดที่จะสร้างเกมผู้ใหญ่ที่ชื่อว่า Custer’s Revenge ที่เนื้อหาเน้นสำหรับคนในวัยทำงานแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังใส่ฉากข่มขืนออกมาจนทำให้พวกเขาถูกวิจารณ์เลยทีเดียว รวมทั้งหลังจากที่ค่ายเกมนี้ได้ปิดตัวลงไป ก็ยังมีค่ายอื่น ๆ ที่เลือกจะนำเกมฉาวนี้มาทำต่อ แม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์เลยก็ตาม

รูปแบบเกมผู้ใหญ่ Custer’s Revenge ก็เริ่มต้นอย่างง่าย ๆ โดยผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็น Custer

ที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าใด ๆ เลยยกเว้นหมวกหนึ่งในใบ ถุงมือ รองเท้าและผ้าพันคอเท่านั้น รวมถึงยังมีอวัยวะบางส่วนยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ซึ่งผู้เล่นจะต้องคอยบังคับทิศทางของตัวละครนี้เพื่อไปให้ถึงอีกฝั่งของฉากและมีเป้าหมายสำคัญก็คือการเข้าไปยังฉากข่มขืนผู้หญิงชาวพื้นเมืองอเมริกันที่กำลังถูกผูกติดอยู่กับเสานั่นเอง ส่วนในเกมที่ถูกนำไปดัดแปลงอย่าง General Retreat ผู้เล่นจะได้สลับบทบาทเป็นผู้หญิงที่จะเข้าไปหาผู้ชายแทน

แน่นอนว่าจากเนื้อหาที่เป็นเกมผู้ใหญ่ที่ชัดเจนก็ทำให้ Custer’s Revengeถูกวิจารณ์อย่างหนัก ตั้งแต่การขึ้นปกว่า ไม่ขายให้ชนกลุ่มน้อยและตั้งราคาไว้ถึง 50 เหรียญสหรัฐในเวลานั้น รวมถึงการขึ้นปกไว้ว่า หากมีเด็กมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นในเกมก็ให้บอกว่า พวกเขาแค่เต้นรำกันเท่านั้น แต่ทว่ากลุ่มที่เรียกร้องสิทธิสตรีไม่คิดอย่างนั้น เพราะเนื้อหาของเกมคือการจำลองสถานการณ์ข่มขืนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเหล่านักวิจารณ์เกมประเภทนี้เองก็ไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้เช่นกัน

สุดท้ายแล้วเกมผู้ใหญ่นี้ก็ขายไปได้เพียง 80,000 ตลับที่แม้จะมากกว่าเกมอื่นในค่าย Mystique แต่สุดท้ายกระแสด้านลบก็ทำให้ค่ายนี้ต้องถูกปิดตัวไปลง เหลือเพียงแต่ชือ่เสียงของเกมที่มีฉากข่มขืนใส่ลงไปอย่างน่าละอายใจ รวมถึงถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเกมยอดแย่ตลอดกาลอีกด้วย

หากคุณไม่อยากพลาดข่าวเกมออนไลน์ เกมมือถือ เกมPC อัพเดทใหม่ล่าสุดก่อนใคร สามารถเข้ารับชมได้ที่รวมข้อมูลข่าวสารเกมและหากคุณกำลังมองหาวิธีการหาเงินง่ายๆไม่ยุ่งยากเราขอแนะนำสล็อตแตกง่ายรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ติดตามBully เกมอันธพาล ที่ชื่อชี้นำจนทำให้โดนวิจารณ์